วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

ตรุษจีน


"ตรุษจีน" เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เพราะชาวจีนถือว่า วันตรุษจีน คือวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจีน เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ดังนั้นชาวจีนจึงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง และมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีพิธีเฉลิมฉลองแตกต่างกันไป สำหรับปี 2557 นี้ วันตรุษจีนตรงกับวันที่ 31 มกราคม

ส่วนการกำหนดวันตรุษจีนนั้น ตามประเพณีเทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีน และถือว่าคืนวันที่ 30 เดือน 12 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ส่วนวันที่ 1 เดือน 1 คือวันชิวอิก หมายถึงวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ
วันจ่ายตรุษจีน
          ตามธรรมเนียมของคนจีนแล้ว วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก จะเป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปหาซื้ออาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ มาเตรียมพร้อมไว้ ก่อนที่ร้านค้าต่าง ๆ จะหยุดยาวในช่วงวันตรุษจีน ซึ่งจะตรงกับวันก่อนวันสิ้นปี
วันไหว้ตรุษจีน
วันไหว้ของเทศกาลตรุษจีนก็คือ "วันสิ้นปี" ซึ่งจะเป็นวันที่มีการไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ด้วยอาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ ฯลฯ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ
  
วันเที่ยวตรุษจีน
วันเที่ยวสำหรับชาวจีนก็คือ "วันปีใหม่" หรือ "วันตรุษจีน" และเป็น "วันถือ" ด้วย โดยในวันนี้ชาวจีนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม พากันออกไปท่องเที่ยว และไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพรัก ชาวจีนจะถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งสิริมงคล และงดทำบาปทั้งปวง

สัญลักษณ์ของ วันตรุษจีน
นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันตรุษจีน คือ "อั่งเปา " ซึ่งมีความหมายว่า "กระเป๋าแดง" หรือจะใช้คำว่า "แต๊ะเอีย" ซึ่งมีความหมายว่า "ผูกเอว" จากที่คนสมัยก่อนชอบร้อยเงินเป็นพวงผูกไว้ที่เอว โดยการให้อั่งเปานี้ คู่แต่งงานจะให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว จะออกมาจากบ้านเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ในหมู่ญาติ และด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป)  


คลอโรฟิลล์

คลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ 27 ข้อ !!

                    คลอโรฟิลล์คืออะไรคลอโรฟิลล์ (Chlorophyllคือ คลอโรพลาสเม็ดเล็กๆ มีสีเขียว ซึ่งอยู่ในเซลล์พืช โดยเป็นส่วนหนึ่งของพืชที่เกิดจากกระบวนการทำอาหารของพืชหลังจากได้รับแสงอาทิตย์
                  ชื่อว่าหากร่างกายของเราได้รับคลอโรฟิลล์เข้าไปก็จะไปเป็นสารตั้งต้นในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น ในภาวะโลหิตจาง เป็นต้น ซึ่งโดยปกติแล้วในร่างกายของเราจะมีการสร้างและทำลายเซลล์มากกว่า 2.5 ล้านเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ร่างกายทำงานหนัก เม็ดเลือดแดงในร่างกายก็จะถูกทำลายมากขึ้นตามไปด้วย และร่างกายของเราก็ต้องมีการสร้างขึ้นมาทดแทนในจำนวนเท่าๆกัน ตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายของเรามีความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดง สาเหตุอาจจะมาจากการขาดสารตั้งต้นอย่างคลอโรฟิลล์ เมื่อปล่อยให้มีความบกพร่องเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติตามมา เพราะเม็ดเลือดแดงถือเป็นระบบขนส่งอาหารที่สำคัญอย่างมากในร่างกาย

ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์

        1. เชื่อช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส         
        2.เชื่อว่ามีส่วนช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย เพิ่มความกระปรี่กระเปร่า
        3.ช่วยลดเลือนรอยคล้ำรอบดวงตา         
        4.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย
        5. ช่วยลดอาการภูมิแพ้ โรคหอบหืด แพ้อากาศ     
        6. ประโยชน์คลอโรฟิลล์ ช่วยเพิ่มปริมาณของเม็ดเลือดแดงให้สมดุล 
      7. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด    
           8.ช่วยกำจัดสารพิษภายในร่างกาย                 9.มีส่วนช่วยในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ
         10. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง          11.  มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ และไมเกรน  
         12. ช่วยลดปัญหาการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตัน หรือเส้นเลือดขอด      
         13.ช่วยลดปัญหากลิ่นตัว หรือกลิ่นที่เกิดจากอวัยวะภายในร่างกาย   
         14.คลอโรฟิลล์ ประโยชน์ใช้เป็นยาดับกลิ่นปาก (เห็นผลน้อยมาก) 
         15. ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและลำไส้         16. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นปกติ     
         17. มีส่วนช่วยบรรเทาและรักษาโรคท้องผูก           18.  ช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
         19 ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน       
         20. ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ ช่วยทำความสะอาดบาดแผลให้สะอาดได้ดีกว่าสารชนิดอื่น
         21. มีส่วนช่วยป้องกันโรคตับอักเสบ และไตวาย          22. มีส่วนช่วยฟืนฟูการทำงานของตับ
         23. มีฤทธิ์ในการต้านการติดเชื้อต่างๆ (แต่มีประสิทธิภาพน้อยมากๆ)      24.ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
         25.ใช้รักษาแผลและช่วยการสมานบาดแผล ให้แผลรายกว่าปกติ   26.      ช่วยดับกลิ่นเหม็นของแผล
         27.   ช่วยลดอาการเป็นพิษหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิดได้

                       

ที่มา (http://www.greenerald.com/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C/)

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

ศิลปินแห่งชาติ(ครูสาคร ยังเขียวสด)

ครูสาคร ยังเขียวสด

 
ศิลปินแห่งชาติสาขา ศิลปะการแสดง ( ละครเล็ก ) ประจำปี พ . ศ . 2539
การละเล่นหุ่น นับเป็นมหรสพที่อยู่คู่สังคมไทยมานานหลายร้อยปีนับจากกำเนิดหุ่นหลวงหรือ หุ่นใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาหุ่นเล็กชุดงิ้ว จีน และหุ่นเล็กชุดรามเกียรติ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 การละเล่นหุ่นพัฒนาต่อมาจนกลายเป็นมหรสพของชาวบ้านประกอบด้วยหุ่นกระบอกและ  หุ่นละครเล็ก
หุ่นละครเล็ก นับเป็นมหรสพที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่ลีลาการเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต อันเกิดจากการสานศิลปะหลายแขนง ปัจจุบันมี เพียงคณะสาครนาฏศิลป์คณะเดียวที่มีความรู้ ความสามารถในการแสดงหุ่นละครเล็ก โดยมีครูสาคร ยังเขียวสดศิลปินแห่งชาติสาขา ศิลปะการแสดง 
( ละครเล็ก ) ประจำปี พ . ศ . 2539 เป็นเสาหลักของคณะ
องค์ความรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์การสร้างและแสดงหุ่นละครเล็กกำลังได้รับการสืบทอดผ่านคนรุ่นที่สองและคนรุ่นถัดไป อีกทั้งยังมี การจัดตั้งคณะโขนเด็กซึ่งเป็นเสมือนเวทีเตรียมความพร้อมและบ่มเพาะความรักความผูกพันต่อศิลปะการแสดง
                การแสดงหุ่นละครเล็กคณะสาครนาฏศิลป์ สะท้อนให้เห็นมิติของการปรับประยุกต์ และพัฒนาต่อโดยไม่ยึดติดกับขนบเดิมจนเกิน ไป คณะสาครนาฏศิลป์สามารถทำลายข้อจำกัดของการแสดง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวทีหรือฉาก ทำให้สามารถเปิดการแสดงได้ในพื้นที่ จำกัดอีกทั้งยังมีการ    สอดแทรกสถานการณ์ปัจจุบันหรือมุกตลกร่วมสมัย โดยไม่กระทบต่อตัวบทหลักการแสดงอย่าง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม นับเป็นเสน่ห์อีกประการหนึ่งของหุ่นละครเล็ก ที่ให้ความรู้สึกมีส่วนร่วม และเพิ่มสีสันให้การแสดงดู " สด " ยิ่งขึ้น
                เรื่องราวของครูสาคร ยังเขียวสดและคณะสาครนาฏศิลป์ คืออีกชีวิตอีกฉากหนึ่งของมหรสพดั้งเดิมของไทย สื่อแสดงให้ เห็นพลัง จิตนาการ พลังการเรียนรู้ สร้างสรรค์ ถ่ายทอดภูมิปัญญา ของสังคมไทยผ่านงานศิลปวัฒนธรรม อันเปี่ยมด้วยพลังชีวิต มีความสง่างาม เปี่ยมด้วยอารมณ์ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจในวิถีชีวิต จิตวิญญาณของวัฒนธรรมไทยระหว่างคนรุ่นต่อรุ่นและเพื่อเปิดอีกหนึ่งมุมมองต่ออนาคตความอยู่รอดของศิลปวัฒนธรรมไทยที่มาของ โจหลุยส์เธียเตอร์

                                                สาคร ยังเขียวสด " โจหลุยส์ " ครูผู้ให้ชีวิต

มหรสพหุ่นละครเล็กห่างหายจากวิถีชีวิตของคนไทยไปนานเกือบ ๕๐ ปี กว่าจะได้ปรากฏสู่ความ
รับรู้และความเข้าใจของสาธารณ ชนอีกเป็นครั้งแรกในปี พ . ศ . ๒๕๒๘ โดยมีนายสาคร ยังเขียวสด หรือครูโจหลุยส์ เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์และปรับประยุกต์หุ่นละครเล็ก เพื่อถ่ายทอดศาสตร์และ
ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กแก่คนรุ่นหลัง
นายสาคร ยังเขียวสด เป็นบุตรของนายคุ่ยและนางเชื่อม ยังเขียวสด ซึ่งทั้งสองเป็นศิลปินโขนละคร
นายสาคร ยังเขียวสด เกิดปี พ . ศ . ๒๔๖๗ คุณย่าหลั่งภรรยาพ่อครูแกรตั้งชื่อให้ว่า " สาคร "
เพราะขณะนั้นหุ่นละครเล็กพ่อครูแกรกำลังแสดงเรื่องพระอภัยมณีคุณย่าปลั่ง จึงนำชื่อ 
" สุดสาคร " ตัวละครในเรื่องพระอภัยมณีมาตั้งเป็นชื่อให้ .. อันเป็นที่มาของชื่อโรงละคร 
โจหลุยส์เธียเตอร์
นายสาคร ยังเขียวสด มีชื่อเล่นเมื่อครั้งยังเด็ก ว่า " หลิว " แต่ครั้นโตขึ้นได้เข้าสู่วงการแสดง ได้เป็น
เจ้าของคณะลิเก และชอบแสดง เป็นตัวตลกประจำคณะ จึงมีผู้เรียกชื่อเล่นเพี้ยนจากหลิวเป็น หลุยส์ 
และภายหลังมีผู้เติมสมญานามว่า โจ ให้อีก จึงกลายเป็น โจหลยส์ ซึ่ง เป็นชื่อที่รู้จักกันอย่าง
กว้างขวางในวงการแสดง และปัจจุบันได้นำชื่อ โจหลุยส์ มาตั้งเป็นชื่อของโรงละครโดยใช้ชื่อว่า 
" โจหลุยส์เธีย เตอร์ "


             หุ่นละครเล็กกลับมาโลดเต้นบนเวทีการแสดงเป็นครั้งแรกหลังจากหายไปนานกว่า ๕๐ ปีในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี พ . ศ . ๒๕๒๘ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ขอร้องให้ครูโจหลุยส์ จัดกาแสดงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ครูโจหลุยส์จึงตัดสินใจทำพิธีบูชาพ่อครูแกรเจ้าของหุ่นเพื่อขออนุญาตจัดทำหุ่นเพิ่มเติม ในงานนี้ครูโจหลุยส์ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณแสดงหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ณ สวนอัมพรและแสดงสาธิตหุ่นละครเล็กที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่ง ประเทศไทย ในปี พ . ศ . ๒๕๓๐

ในขณะนั้นครูโจหลุยส์ได้ตั้งชื่อคณะหุ่นละครเล็กของท่านว่า หุ่นละครเล็กคณะสาครนาฏศิลป์ละครเล็กหลานครูแกร " หุ่นละคร เล็กของครูโจหลุยส์เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมเป็นอันมากด้วยลักษณะพิเศษของหุ่นละครเล็กที่เคลื่อนไหวได้ทุกส่วนคล้ายคนจริงและความ สวยงามของเครื่องแต่งกายแบบโขนละครจริง รวมทั้งศิลปะการเชิดที่แตกต่างจากการเชิดหุ่นกระบอกที่คุ้นเคย
       หุ่นละครเล็กของครูโจหลุยส์ ได้รับการพัฒนาให้สามารถหันหน้าได้ทุกตัว มีรูปทรงได้สัดส่วนงดงามมากขึ้น ใส่เครื่องประดับที่ งดงามมากขึ้น และมีความประณีตในการแสดงมากขึ้นเพื่อให้หุ่นมีท่วงท่าการรำ และการเจรจาเหมือนคนจริงทั้งยังคิดให้มีการเชิดหน้า โรง เพื่อให้ผู้ชมได้มีโอกาสชมลีลาการแสดงของผู้เล่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และมีการสาธิตวิธีการเชิดก่อนการแสดงด้วยนอกจากนี้ครูโจหลุยส์ ยังได้ดัดแปลงให้หุ่นละครเล็กแสดงเรื่องรามเกียรติ์โดยสมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องสนุก ตัวละครมีความสง่างาม เดิมหุ่นละครเล็กจะแสดงเรื่องรามเกียรติ์เพียงเล็กน้อยเฉพาะตอนเปิดเรื่อง เพื่อเป็นการเบิกโรงเท่านั้น ต่อจากนั้นจะแสดงละครซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องพระอภัยมณี
                หุ่นละครเล็กคณะครูโจหลุยส์ จึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายผ่านสื่อมวลชนรวมทั้งได้รับการเชิดชูจาก
สถาบันการศึกษาต่าง ๆ อีกทั้งยังได้ เป็นตัวแทนประเทศไทยไปเผยแพร่ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กในประเทศต่าง ๆ




วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

วันเด็กแห่งชาติ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๑๓ / เรื่องที่ ๗ การละเล่นของไทย / สำหรับเด็กระดับเล็ก


การละเล่นของไทยสำหรับเด็กเล็ก



ซ่อนซ่อนหาหา             ปิดตาไม่
          เปิดเปิดปิดปิด               ต้องผิดสัญญา
        ปิดตาไม่มิด                   สารพิษเข้าตา
            พ่อแม่ทำนา                   ได้ข้าวเม็ดเดียว

                                 คนที่ปิดตาร้องถาม "เอาหรือยัง" เสียงคนที่วิ่งไปซ่อนเสร็จแล้ว ร้องตอบ "เอาหละ"
 ใครถูกหาพบก็ต้องเป็นคนปิดตาต่อไป
                                 เด็กๆ ทุกคนคงเคยเล่นซ่อนหา ซ่อนหาเป็นการเล่นที่แสนสนุก ตื่นเต้น ระทึกใจ คนที่ปิดตาต้องซื่อสัตย์ คนซ่อนต้องว่องไว คนดูช่วยกันร้องสอดคล้องกันไป ร่าเริงแจ่มใสทั้งผู้ใหญ่ และเด็กน้อย 
                                 การละเล่นของไทยมักจะเล่นกันเป็นกลุ่ม มีกติกา วิธีเล่น บทร้อง ทำนอง จังหวะประกอบกัน บางครั้งการเล่นเลียนแบบชีวิตจริง
                                พี่สาวเลี้ยงน้อง คนอื่นๆ ช่วยกันร้องเพลง
                                "จันทร์เจ้าข้า ขอข้าวขอแกง   ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า..."


                             บางครั้งเด็ก ๆ เล่นกันอยู่ใต้ถุนบ้าน ชักชวนกันเล่นลิงชิงหลัก เล่นขายของ เล่นอ้ายเข้อ้ายโขง
                                               "อ้ายเข้อ้ายโขง อยู่ในโพรงไม้สัก       
อ้ายเข้ฟันหัก กัดคนไม่เข้า"      
                           
                             ชีวิตชาวบ้านเบิกบานมีความสุขอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

                             
เด็กหญิงเก็บก้อนกรวดก้อนเล็กๆ มาเล่นหมากเก็บ
                             เด็กชายขี่ม้าก้านกล้วย วิ่งแข่งกัน

                              หนุ่มสาวเกี่ยวข้าวเหนื่อยแล้ว หยุดพักมาเล่นร้องรำ เล่นเพลงเต้นกำรำเคียง หรือเพลงเกี่ยวข้าว ผู้ใหญ่เล่นเพลงพวงมาลัย บ้างก็พายเรือ ร้องเพลงเรือ

                               การละเล่นของไทยให้ความสนุก แจ่มใส มีคุณค่าทางศิลปะ ภาษา และประเพณี การละเล่นของไทยจึงเป็นวัฒนธรรมไทย ที่สืบทอดมาถึงเด็กไทยทุกวันนี้



ที่มา :